บริษัทแสงชัยมอเตอร์เซลส์จำกัด ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Cookie คืออะไร
“คุกกี้” เป็นไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่แสดงประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และการดาวน์โหลด ซึ่งประโยชน์และความจำเป็นของคุกกี้ก็คือเมื่อเราเคยเข้าใช้งานเว็บไซต์หนึ่งแล้ว คุกกี้จะจดจำข้อมูลหลายรูปแบบ เช่น ตำแหน่งโลเคชั่นของผู้ใช้งาน ภาษาการใช้งานหน้าเว็บ หรือข้อมูลของผู้ใช้เพื่อทำการตลาดโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย (Targeting ads) ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของเราจดจำเว็บไซต์นั้นได้เมื่อกลับเข้าไปใช้งานเว็บไซต์อีกครั้ง การใช้ไฟล์คุกกี้ถือเป็นการจัดเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเช่นเดียวกัน ดังนั้น เจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องแจ้งผู้ใช้งานเพื่อขอความยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
Cookie consent คืออะไร
Cookie consent คือ การขอความยินยอมเพื่อจัดเก็บไฟล์คุกกี้และข้อมูลต่างๆ จากผู้ใช้งานเว็บไซต์ ซึ่งไฟล์คุกกี้นี้ก็ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลประเภทหนึ่งที่จัดเก็บข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลหลายรูปแบบจากการเข้าชมเว็บไซต์ เจ้าของเว็บไซต์ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจึงต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลตามกฎหมาย PDPA ด้วย

กฎหมายเรื่องคุกกี้ใน PDPA
เนื่องจาก PDPA มีความคล้ายคลึงกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของยุโรป หรือ GDPR ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์จะต้องขอความยินยอม (consent) การจัดเก็บข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลก่อน โดยการเก็บ ใช้ เปิดเผย และถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอม ยกเว้นจะมีเหตุอื่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย สำหรับการใช้คุกกี้ มีสาระสำคัญตามกฎหมายดังนี้ แจ้งให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ทราบว่ามีการใช้คุกกี้ ระบุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ขอความยินยอมการจัดเก็บคุกกี้ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ชัดเจน ข้อความไม่กำกวม ไม่สร้างเงื่อนไขให้กับผู้ใช้เว็บไซต์ ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถเลือกได้ว่าจะให้เว็บไซต์ใช้คุกกี้หรือข้อมูลประเภทใดได้บ้าง การแจ้งขอจัดเก็บคุกกี้ถือเป็นหลักฐานในการปฏิบัติตาม PDPA เจ้าของข้อมูลสามารถขอยกเลิกหรือถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อ โดยให้เจ้าของเว็บไซต์มีกระบวนการรับคำร้องจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ควรเป็นวิธีที่ง่ายไม่ซับซ้อน และไม่กำหนดเงื่อนไข อาจใช้วิธีการยื่นแบบฟอร์ม ส่งคำร้องผ่านช่อง chat หรือส่งอีเมลก็ได้

ใครบ้างที่ต้องทำตามกฎหมาย PDPA
นอกจากผู้ใช้งานเว็บไซต์ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตาม PDPA แล้ว สำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของเว็บไซต์ที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA แบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังต่อไปนี้

เจ้าของเว็บไซต์ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เป็นองค์กรที่เก็บหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บริษัทการตลาดที่เก็บข้อมูลลูกค้า บริษัทขายของออนไลน์

เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้ประมวลผลข้อมูลของลูกค้าหรือบุคคลใดๆ ตามคำสั่งของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

เป็นองค์กรที่อยู่นอกราชอาณาจักรแต่มีการเสนอขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าในประเทศไทย มีการโอนถ่ายข้อมูล อาทิ การเฝ้าติดตามพฤติกรรมผู้บริโภค อาจจะเป็น การตั้งกลุ่มเป้าหมายทำโฆษณาออนไลน์ หรือการรับจองรองแรมผ่านเว็บไซต์ ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด

บทลงโทษตามกฎหมาย PDPA หากไม่ทำตาม
ปัจจุบันกฎหมาย PDPA ประกาศขยายเวลาบังคับใช้เต็มรูปแบบออกไปจนถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 โดยบทลงโทษมีทั้งทางอาญา ทางแพ่ง และทางปกครอง ซึ่งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 5 ล้านบาท จำคุกสูงสุด 1 ปี และต้องจ่ายค่าเสียหายตามจริง รวมถึงค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษสูงสุดสองเท่าของค่าเสียหายตามจริง หากผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล กรรมการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลอาจต้องรับผิดด้วย

นอกจากอัตราโทษตามกฎหมายแล้ว องค์กรที่ไม่ปฏิบัติตาม PDPA หากเกิดความเสียหายต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เช่น ไม่จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม จนข้อมูลเกิดรั่วไหล ก็อาจได้รับบทลงโทษทางสังคมอีก เช่น องค์กรขาดความน่าเชื่อถือ เสียชื่อเสียง จนกระทั่งเสียรายได้จากฐานลูกค้าในอนาคต